BYD ลุยตลาดรถไฟฟ้าขนาดเล็กราคาประหยัดที่ยุโรปด้วย Dolphin Surf ซึ่งไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับรุ่น Dolphin ที่มีขนาดใหญ่กว่า เพราะเป็นการนำเอารุ่น Seagull ในจีนมาเปลี่ยนชื่อขายที่ยุโรปพร้อมกับปรับสเปกแตกต่างจากที่ขายในจีน
BYD Dolphin Surf มีขนาดตัวรถที่แตกต่างจาก Seagull เล็กน้อยด้วยการมีความยากว่า 210 มม. กว้างกว่า 5 มม. และสูงกว่า 40 มม. ซึ่งเป็นผลมาจากการมีกันชนหน้าและกันชนหลังแตกต่างกัน ส่วนระยะฐานล้อของรถยังมีความยาว 2,500 มม. เท่ากัน
ห้องโดยสารของรถมีจอทัชสกรีนขนาด 10.1 นิ้วแบบลอยตัวกลางแผงแดชบอร์ดรองรับการเชื่อมต่อทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto รวมทั้งมีระบบควบคุมการทำงานด้วยเสียงเพื่อเข้าถึงการทำงานต่างๆ โดยไม่ต้องละมือจากพวงมาลัย พร้อมมีการทำงานช่วยขับต่างๆ อย่างระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ ระบบช่วยให้รถอยู่ในช่องจราจร และระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ
การขับเคลื่อนของรถมีสามทางเลือกเริ่มจากเกรดพื้นฐานใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 87 แรงม้า แบตเตอรี 30 kWh เดินทางได้ 220 กิโลเมตร เกรดสูงขึ้นมายังใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 87 แรงม้า แต่มากับแบตเตอรี 43.2 kWh ให้ระยะเดินทางได้ 322 กิโลเมตร ส่วนเกรดสูงสุดมากับมอเตอร์ไฟฟ้า 154 แรงม้า แบตเตอรี 43.2 kWh ให้ระยะเดินทางได้ 310 กิโลเมตร
รถรองรับการชาร์จไฟด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ AC 11 kW และรองรับการชาร์จเร็วด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC 65 kW ในเกรดพื้นฐาน ส่วนอีกสองเกรดที่มีแบตเตอรีความจุมากกว่ารองรับถึง 80 kW
BYD Dolphin Surf ขายในยุโรปด้วยราคาเริ่มต้น 19,990 ยูโรถึง 25,880 ยูโรโดยเน้นทำตลาดในเยอรมนี สหราชอาณาจักร และเบลเยียม