Lexus LX เจนเนเรชัน 4 ครบเครื่องทั้งความแข็งแกร่ง การลุย และความหรู

ไม่กี่เดือนหลังจาก Toyota เปิดตัวรถเอสยูวีฟูลไซส์ Land Cruiser รุ่นใหม่ออกมา ตอนนี้ทางฝั่งของ Lexus ก็เปิดตัวรถเอสยูวีระดับเรือธง LX เจนนเรชันใหม่ตามออกมา ซึ่งมาพร้อมกับคุณสมบัติทั้งในด้านความทนทาน สมรรถนะบนเส้นทางทุรกันดาร รวมไปถึงความหรูสำหรับการลุยตลาดรถเอสยูวีฟูลไซส์ระดับพรีเมียม

LX ใหม่อยู่บนแพลตฟอร์ม GA-F ที่ได้รับการปรับสำหรับใช้กับ Lexus ซึ่งส่งผลให้รถมีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ น้ำหนักเบาลง พร้อมกับมีความทนทานมากขึ้น และช่วยเพิ่มสมรรถนะในการขับ ส่วนการออกแบบด้านหน้าของรถเน้นความเป็น 3 มิติทั้งที่กระจังหน้า Spindle Grille ซึ่งเป็นภาษาการออกแบบใหม่โดยมี 7 แถบแนวนอนลักษณะลอยตัว และที่ไฟหน้าจากทั้งไฟ Daytime Running Light รูปตัวแอลและเลนส์ไฟหน้าที่สร้างความรู้สึกลึก

New Lexus LX

สำหรับด้านข้างของรถแสดงถึงความแข็งแกร่งด้วยเส้นที่ยาวจากด้านหน้าถึงด้านหลัง ในขณะที่ด้านหลังมาพร้อมกับชื่อแบรนด์ระหว่างไฟท้ายแทนโลโก้ L ซึ่งเป็นการแสดงถึงรถเจนเนเรชันใหม่ของแบรนด์เช่นเดียวกับ NX ใหม่ ส่วนไฟท้ายเป็นการรวมไฟรูปตัว L เข้ากับเส้นที่ยาวต่อเหนื่องมาจากด้านหน้า โดยรถเอสยูวีรุ่นใหม่ยังมาพร้อมกับล้ออัลลอยฟอร์จขนาด 22 นิ้วสำหรับบางเกรดซึ่งเป็นขนาดใหญ่ที่สุดของแบรนด์

Lexus LX

ภายในห้องโดยสารถูกออกแบบในดีไซน์ที่เรียกว่า Tazuna Concept ซึ่งทำให้ผู้ขับเชื่อมต่อกับรถและทำให้เน้นไปที่การขับรถมากขึ้น นอกจากนี้ LX ใหม่ยังเน้นรูปแบบการแสดงข้อมูลในแนวนอนตั้งแต่ตำแหน่งของ Head-up Display เรือนไมล์ และจอทัชสกรีนตรงกลางขนาด 12.3 นิ้วเพื่อให้มีความราบลื่นในการกวาดสายตาขณะขับรถ ในขณะเดียวกันก็มีจอขนาด 7 นิ้วเพิ่มเข้ามาที่คอนโซลกลางสำหรับการปรับการทำงานต่างๆ

Interior of New LX

ในส่วนเบาะนั่งของรถเอสยูวีฟูลไซส์รุ่นใหม่มีทั้งแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง และแบบ 2 แถว 4 ที่นั่งซึ่งมีเบาะหลัง 2 ที่นั่งแยกจากกันพร้อมกับมีที่ท้าวแขนขนาดใหญ่ระหว่างเบาะหลังโดยเป็นตำแหน่งของอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและจอสำหรับการควบคุมการทำงานต่างๆ

ขุมกำลังที่ถูกใช้ขับเคลื่อนทั้งความหรูและความแข็งแกร่งเป็นเครื่องยนต์ V6 3.5 ลิตร ทวินเทอร์โบ 415 แรงม้า แรงบิด 650 นิวตันเมตร โดยใช้เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีดส่งกำลัง นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับระบบการทำงานเพื่อการลุยเส้นทางออฟโรดอย่าง Multi-Terrain Select ซึ่งมี 6 โหมดให้เลือกสำหรับการขับบนเส้นทางลักษณะต่างๆ ระบบ Crawl Control เพื่อช่วยสนับสนุนการขับบนเส้นทางออฟโรดที่โหดด้วยการให้ผู้ขับสามารถควบคุมรถที่ความเร็วต่ำมากโดยไม่ต้องเร่งหรือเบรกเพียงแค่ควบคุมพวมาลัยเท่านั้น หรือ Downhill Assist Control สำหรับช่วยในการขับลงทางลาดชันด้วยการควบคุมแรงดันไฮดรอลิกเบรกที่ล้อทั้ง 4 ของรถโดยไม่ทำให้ล้อล็อก

นอกจากนี้แน่นอนว่ารถเอสยูวีเรือธงรุ่นใหม่ยังเต็มไปด้วยระบบความปลอดภัยต่างๆ ใน Lexus Safety System + โดยที่มีการใช้กล้องและเรดาร์เพื่อช่วยเพิ่มระยะการทำงานของระบบก่อนการชนด้านหน้า รวมทั้งใช้เทคโนโลยีเอไอสำหรับช่วยในการทำงานเพื่อให้รถอยู่ในเลน ส่วนการขายในญี่ปุ่นจะเริ่มช่วงต้นปี 2022

Tagged:

admin24

admin24

RELATED ARTICLES