ปอร์เช่ ประเทศไทยเปิดตัว 2 รุ่นสุดเร้าใจ 911 Spirit 70 และ 911 GT3 ที่งาน Thailand International Motor Expo 2025

ปอร์เช่ ประเทศไทย ยกทัพยนตรกรรมสู่งาน Thailand International Motor Expo 2025 (มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42) ด้วยการเปิดตัว 2 รุ่นระดับตำนานอย่าง 911 Spirit 70 ซึ่งเป็นรุ่นที่ 3 ใน ตระกูล Heritage Design ที่สะท้อนกลิ่นอายยุค 1970 ผสานสมรรถนะไฮบริดอันทันสมัย และ 911 GT3 รุ่นใหม่ ที่เฉลิมฉลอง 25 ปีของตระกูล GT3 ด้วยแอโรไดนามิกที่เหนือระดับ พร้อมพละกำลังที่เฉียบคม และยกระดับความแม่นยำในการขับขี่ โดยจัดแสดงยนตรกรรมภายใต้แนวคิด “There is no substitute” พร้อมถ่ายทอดจิตวิญญาณของปอร์เช่ผ่าน 4 มิติสำคัญ ได้แก่ Motorsport, Adventure, Urban และ Heritage และมอบข้อเสนอพิเศษสำหรับหลากหลายรุ่น

ปอร์เช่ ประเทศไทย เชิญชวนผู้หลงใหลยนตรกรรมสปอร์ต ร่วมสัมผัสความยิ่งใหญ่กับปอร์เช่ ประเทศไทย ในงาน “Thailand International Motor Expo 2025” (มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42) ณ บูธ A03 อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2568 ด้วยการเปิดตัว 911 สปิริต 70 (911 Spirit 70) และ 911 จีที 3 (911 GT3) รุ่นใหม่ ที่แสดงให้เห็นถึงความเหนือระดับทั้งในด้านการออกแบบและวิศวกรรมของปอร์เช่ โดยทั้ง 2 รุ่นได้ผสานเอกลักษณ์แห่งตำนานเข้ากับเทคโนโลยีล้ำสมัย เพื่อสร้างประสบการณ์ขับขี่ที่แตกต่างอย่างเหนือระดับ

พร้อมการจัดแสดงรถยนต์ไฮไลท์อย่าง คาเยนน์ เอส อี ไฮบริด คูเป้ (Cayenne S E-Hybrid Coupé) รุ่นประกอบที่มาเลเซีย ที่เข้าร่วมภารกิจ Epic Road Trip การเดินทางจากกรุงเทพฯ สู่สตุ๊ทการ์ท ในเวลา 61 วัน ผ่าน 17 ประเทศ รวมระยะทางกว่า 22,000 กิโลเมตร และคาเยนน์ เอส อี ไฮบริด คูเป้  รุ่นปรับโฉมปี 2026 ที่ประกอบในประเทศมาเลเซีย ที่แสดงให้เห็นถึงความทนทานและมาตรฐานทางวิศวกรรมที่แข็งแกร่งของคาเยนน์ รุ่นประกอบในภูมิภาค

ไมเคิล เวตเตอร์ (Michael Vetter) กรรมการผู้จัดการ ปอร์เช่ ประเทศไทย กล่าวว่า “ปอร์เช่เชื่อมั่นว่าไม่มีสิ่งใดสามารถทดแทนความมุ่งมั่น ความละเอียดในการสร้างสรรค์ รวมถึงความเป็นตำนานที่สร้างเอกลักษณ์ของปอร์เช่ได้ งานมหกรรมยานยนต์ครั้งนี้จึงเป็นเวทีที่เหมาะที่สุดในการถ่ายทอดแนวคิดดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นเสน่ห์เหนือกาลเวลาของ 911 สปิริต 70 สมรรถนะพร้อมลงสนามของ 911 จีที 3 รุ่นใหม่ หรือความแข็งแกร่งของคาเยนน์ เอส อี-ไฮบริด คูเป้ ที่พิชิตการเดินทาง Epic Road Trip จากกรุงเทพฯ สู่สตุ๊ทการ์ท เราขอเชิญผู้หลงใหลทุกท่านมาสัมผัสความพิเศษที่ทำให้ปอร์เช่โดดเด่นอย่างแท้จริงในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โปปีนี้”

อิสระและความสุขในการใช้ชีวิตที่แตกต่างอย่างแท้จริง

911 สปิริต 70 รุ่นที่ 3 ในตระกูล Heritage Design สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงยุคสมัยสำคัญ ผ่านองค์ประกอบการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์จากรถยนต์ในอดีต ภายนอกโดดเด่นด้วยสี Olive Neo สีเขียวเข้มที่ให้กลิ่นอายเรโทรอย่างชัดเจน โดยเป็นสีเฉพาะสำหรับใน 911 สปิริต 70 ตัดกับสี Bronzite ในส่วนกันชนหน้า–หลัง และบนล้อลาย Sport Classic ล้อหน้าขนาด 20 นิ้ว และล้อหลังขนาด 21 นิ้ว ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากล้อ Fuchsfelge® (Fuchs) ที่ถูกพัฒนาขึ้นครั้งแรกสำหรับปอร์เช่ 911 เอส ในปี 1965

911 สปิริต 70 มาพร้อมหลังคาผ้าและกรอบกระจกหน้าสีดำ ลายสามแถบสีดำแบบกึ่งด้านบนฝากระโปรงหน้า ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสติกเกอร์ความปลอดภัยในยุค 1970 และหลังคาผ้าสีตัดกับตัวถัง พร้อมตราสัญลักษณ์ปอร์เช่ที่ใช้การออกแบบใกล้เคียงกับสัญลักษณ์ดั้งเดิมในปี 1963 เสริมความพิเศษด้วยตัวอักษรสีทอง พร้อมอักษร “Porsche Exclusive Manufaktur” บนซุ้มล้อหน้า

การตกแต่งภายในโดดเด่นด้วยลาย Pasha สีดำตัดกับสีเขียว ลายที่ได้รับแรงบันดาลใจจากธงตราหมากรุกที่กำลังโบกสะบัด ด้วยการจัดวางสี่เหลี่ยมหลายขนาดเพื่อสร้างมิติของการเคลื่อนไหว เพื่อให้ความรู้สึกถึงรถแข่งในยุค 70 และหนัง Club Leather สี Basalt Black พร้อมเดินตะเข็บด้ายสี Olive Neo รวมถึงแพ็กเกจตกแต่งภายใน Basalt Black Club Leather ที่เป็นมาตรฐาน

911 สปิริต 70 ผลิตขึ้นเพียง 1,500 คันทั่วโลก โดยใช้พื้นฐานจาก 911 คาเรร่า จีทีเอส คาบริโอเลต์ (911 Carrera GTS Cabriolet) รุ่นล่าสุด ที่ติดตั้งเทคโนโลยีไฮบริดสมรรถนะสูง เครื่องยนต์บ็อกเซอร์ใหม่ขนาด 3.6 ลิตร ผสานระบบแรงดันไฟฟ้าสูง eTurbo และมอเตอร์ไฟฟ้าที่ผสานเข้ากับเกียร์ PDK รุ่นใหม่ สร้างกำลังรวม 398 กิโลวัตต์ (541 แรงม้า) และแรงบิด 610 นิวตันเมตร

911 จีที 3 รุ่นใหม่ และ 911 จีที 3 พร้อม Touring Package

ตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในปี 1999 ปอร์เช่ 911 จีที 3 สร้างบทบาทชัดเจนในฐานะยนตรกรรมสปอร์ตที่ผสมผสานจิตวิญญาณสนามแข่งเข้ากับความสะดวกสบายในชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว โดยในโอกาสครบรอบ 25 ปีแห่งตำนานตระกูล จีที 3 ปอร์เช่ ประเทศไทย ได้เปิดตัว 911 จีที 3 รุ่นใหม่ พร้อมกั2 รุ่นได้แก่ รุ่นจีที 3 ที่เน้นสมรรถนะสนามแข่งพร้อมสปอยเลอร์หลัง และ รุ่น Touring Package สำหรับผู้ที่หลงใหลความหรูหราแต่ยังคงความเร้าใจเหมือนบนสนามแข่ง โดยทั้ง 2 รุ่น รองรับการปรับแต่งเฉพาะบุคคล ด้วยแพ็กเกจและตัวเลือกที่ตอบโจทย์ความต้องการและการใช้งานที่แตกต่างกัน

การออกแบบภายนอกของ 911 จีที 3 รุ่นใหม่ โดดเด่นด้วยองค์ประกอบที่ชัดขึ้น แอโรไดนามิกที่ใช้งานได้จริง และรายละเอียดที่ได้แรงบันดาลใจจากมอเตอร์สปอร์ต กันชนหน้าที่ออกแบบใหม่พร้อมช่องรับอากาศขนาดใหญ่ขึ้น และสปอยเลอร์ที่เด่นชัด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อนและแรงกด พร้อมฝากระโปรงน้ำหนักเบาที่เพิ่มเอกลักษณ์ด้วยช่องระบายอากาศดีไซน์เฉียบที่สะท้อนจิตวิญญาณแห่งมอเตอร์สปอร์ต

ด้านท้ายของรุ่นจีที 3 ที่เน้นสมรรถนะสนามแข่งด้วยปีกหลังดีไซน์ใหม่ เป็นแบบคอหงส์รุ่นล่าสุดที่ผสานแผ่นปลายปีกมุมเอียงอย่างลงตัว พร้อมดิฟฟิวเซอร์ปรับจูนเพื่อเสริมทั้งสมดุลและดึงดูดสายตา โดยเป็นการออกแบบที่ตอบโจทย์การใช้งานจริงและเร้าอารมณ์การขับขี่ไปพร้อมกัน ในรุ่น Touring Package ให้ความรู้สึกที่สุภาพ เรียบหรู และใช้งานได้หลากหลาย โดยได้ติดตั้งสปอยเลอร์ท้ายแบบยืดได้และครีบใต้ท้องรถเพื่อคงความงามของเส้นสาย 911 พร้อมกับมีตัวเลือกการติดตั้งเบาะหลังเป็นครั้งแรก

ด้วยการปรับแต่งดังกล่าวทำให้ 911 จีที 3 สามารถตอบโจทย์การขับขี่แบบสปอร์ตในชีวิตประจำวันได้ดีขึ้น โดยยังคงไว้ซึ่งจิตวิญญาณความแรงในแบบฉบับ จีที 3 อย่างครบถ้วน ปอร์เช่ยังมีแพ็กเกจพิเศษอย่าง Weissach และ Club Sport ให้เลือก เพื่อปรับรถให้เหมาะกับการใช้งานในสนามแข่งหรือสอดรับกับความต้องการเฉพาะของลูกค้าแต่ละรายได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น

ทั้ง 2 รุ่นของ 911 จีที 3 มีพื้นฐานเทคนิคเดียวกัน ด้วยเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ 4.0 ลิตร แบบไร้เทอร์โบ ส่งกำลัง 375 กิโลวัตต์ (510 แรงม้า) และแรงบิด 450 นิวตันเมตร โดยลดน้ำหนักรวมของรถด้วยการใช้วัสดุน้ำหนักเบา ปรับอัตราทดเฟืองท้ายให้สั้นลงกว่าเดิม 8% และนำชิ้นส่วนช่วงล่างจาก 911 จีที 3 อาร์เอส และ 911 S/T รุ่นก่อนมาใช้ เพื่อสร้างการตอบสนองที่เฉียบคมขึ้นและเพิ่มแรงกดในทุกสถานการณ์ขับขี่

คาเยนน์ เอส อี ไฮบริด คูเป้: ไฮไลท์ประจำภูมิภาค ถ่ายทอดความแข็งแกร่งข้ามทวีป

คาเยนน์ เอส อี ไฮบริด คูเป้ จากการเดินทาง Epic Road Trip กรุงเทพฯ สู่สตุ๊ทการ์ท พร้อมจัดแสดงให้ได้สัมผัสครั้งแรกในงาน Thailand International Motor Expo 2025 หลังพิชิตระยะทางกว่า 22,000 กิโลเมตร ผ่าน 17 ประเทศ ภายใน 61 วัน ซึ่งแสดงศักยภาพที่แข็งแกร่ง สะดวกสบายและประสิทธิภาพอย่างเต็มสมรรถนะสะท้อนความยอดเยี่ยมของวิศวกรรมปอร์เช่และความสามารถของรุ่นประกอบในภูมิภาคที่ยึดมั่นคุณภาพและสมรรถนะที่ไม่ลดทอน

คาเยนน์ เอส อี ไฮบริด คูเป้ ผลิตจากโรงงานประกอบของปอร์เช่ ที่กูลิม ประเทศมาเลเซีย โดยพัฒนาขึ้นเพื่อรองรับตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศไทย สำหรับปี 2026 รุ่นประกอบในภูมิภาคนี้ได้รับปรับโฉมใหม่ โดยจะมีล้อ RS Spyder Design ขนาด 21 นิ้วที่ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

ระบบขับเคลื่อนผสานเครื่องยนต์ V6 เทอร์โบ 3.0 ลิตร กับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง ให้พละกำลังรวม 382 กิโลวัตต์ (519 แรงม้า) และแรงบิด 750 นิวตันเมตร พร้อมแบตเตอรี่ความจุ 25.9 กิโลวัตต์ชั่วโมง ที่เพิ่มระยะทางขับขี่ไฟฟ้าสูงสุดถึง 90 กิโลเมตร (EAER City) และช่วยเสริมประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ทำให้คาเยนน์ เอส อี ไฮบริด คูเป้ เป็นรถที่ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานในเมืองและการเดินทางไกล

“There is no substituteไม่มีอะไรแทนที่ปอร์เช่ได้

สำหรับบูธของปอร์เช่ ประเทศไทย ในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 42 นี้ ถ่ายทอดจิตวิญญาณแห่ง
ยนตรกรรมสปอร์ตเหนือระดับภายใต้แนวคิด “There is no substitute” ที่สะท้อนแก่นแท้ของความเป็น
ปอร์เช่ ที่ผสานสมรรถนะทางวิศวกรรมเข้ากับอารมณ์การขับขี่และการออกแบบที่เหนือกาลเวลา  โดยนำเอามิติของตัวตนปอร์เช่ ทั้งด้าน Motorsport, Adventure, Urban และ Heritage มาให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสดีเอ็นเอของปอร์เช่กันอย่างครบทุกด้าน

ที่บูธปอร์เช่ยังมีการจัดแสดง Porsche 963 LMDh รถแข่งต้นแบบระดับเรือธง ที่สะท้อนดีเอ็นเอมอเตอร์สปอร์ตของแบรนด์และความก้าวล้ำด้านวิศวกรรม หลังจากคว้าแชมป์รวมรายการ IMSA และคว้าอันดับที่สองในศึกความอึดระดับตำนานอย่าง 24 Hours of Le Mans ในปีนี้

เทคโนโลยีที่พัฒนาจากสนามแข่งถูกถ่ายทอดโดยตรงสู่รถยนต์ปอร์เช่สำหรับถนนจริง อาทิ ไทคานน์ และ มาคันน์ เพื่อส่งมอบสมรรถนะ ประสิทธิภาพ และความเร้าใจในการขับขี่ให้กับผู้ใช้งานในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็น สถาปัตยกรรมระบบไฟฟ้าแรงสูง 800 โวลต์ที่ใช้ในรถแข่ง 963 ซึ่งได้ถูกบูรณาการสู่รถปอร์เช่รุ่นใหม่ ซึ่งช่วยให้รองรับการชาร์จพลังงานความเร็วสูงและรักษาสมรรถนะได้อย่างต่อเนื่องในทุกสถานการณ์

นอกจากนี้ ผู้เยี่ยมชมยังจะได้สัมผัสนวัตกรรมล้ำสมัยของปอร์เช่ด้วยตัวเอง ผ่านกิจกรรมทดลองขับรุ่น คาเยนน์ เอส อี ไฮบริด คูเป้ มาคันน์ และไทคานน์ ซึ่งจะจัดขึ้นเป็นประจำทุกวันตลอดงาน Motor Expo 2025 ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน ถึง 10 ธันวาคม เพื่อให้ผู้ที่สนใจได้สัมผัสสมรรถนะอันแม่นยำ พลังขับเคลื่อนไฟฟ้า และเทคโนโลยีการขับขี่ในรถปอร์เช่รุ่นใหม่ล่าสุดอย่างใกล้ชิด ก่อนตัดสินใจเป็นเจ้าของยนตรกรรมระดับไอคอน

ข้อเสนอพิเศษสำหรับงาน Thailand International Motor Expo 2025*

ข้อเสนอพิเศษสำหรับผู้ที่จองและรับรถในรุ่น ไทคานน์ (J1 II) และ มาคันน์ (H2) ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ธันวาคม ปอร์เช่ ประเทศไทย มอบข้อเสนอพิเศษครั้งใหญ่แห่งปี รวมถึงข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับคาเยนน์ พานาเมร่า และรุ่นอื่น ๆ ทั้งในงาน Thailand International Motor Expo 2025 และที่ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการทุกแห่ง*

นอกจากนี้ ผู้ที่จองรถยนต์ปอร์เช่ทุกรุ่น ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ธันวาคม ร่วมลุ้นรับสิทธิ์กิจกรรมขับรถสุดเร้าใจที่ Porsche Experience Centre Tokyo โดยจะได้เข้าร่วมกิจกรรมการขับรถปอร์เช่ในสนามแข่งแบบส่วนตัวกับผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ขับขี่ได้ปรับปรุงเทคนิคและขับขี่ได้อย่างสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมรถในสถานการณ์ต่าง ๆ การขับขี่ในสนามแข่ง การควบคุมรถขณะเข้าโค้ง และอื่น ๆ โดยจะประกาศผลผู้โชคดีทางเพจ Facebook Porsche Thailand ในวันที่ 26 มกราคม 2569*

Tagged:

admin24

admin24

RELATED ARTICLES