วี.คาร์โก สั่งซื้อ ยูดี โครเนอร์ หนุนธุรกิจขนส่งอีคอมเมิร์ซที่กำลังโต

กลุ่มบริษัท วี. คาร์โก ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ครบวงจร สั่งซื้อรถบรรทุกยูดี โครเนอร์ จำนวน 16 คันเพื่อรองรับแผนขยายงาน พร้อมเตรียมสั่งเพิ่มอีก 16 คันเพื่อเสริมศักยภาพธุรกิจให้เติบโตตามเป้าหมาย 25% ในปีนี้

นายอุดม ศรีสงคราม กรรมการผู้จัดการกลุ่มบริษัท วี.คาร์โก เปิดเผยว่าจากการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของธุรกิจการค้าออนไลน์และสินค้าในตลาดโมเดิร์นเทรดในระยะหลายปีที่ผ่านมา ทำให้กลุ่มบริษัทวี.คาร์โก มีอัตราการเจริญเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อปีที่แล้วมียอดรายได้แตะระดับ 1,000 ล้านบาท และคาดว่าอัตราการเจริญเติบโตจะยังคงต่อเนื่องต่อในปีนี้อีกไม่ต่ำกว่า 25%

กลุ่มบริษัท วี.คาร์โก ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2531 จนถึงขณะนี้ มีบริษัทในเครือทั้งสิ้น 4 บริษัท ได้แก่บริษัท วี.คาร์โก จำกัด บริษัท วี.คาร์โก้แอนด์ซัพพลาย จำกัด บริษัท ยูพีเอสอาร์ โลจิสติกส์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด และบริษัท ไทยรุ่งพัฒนาขนส่ง จำกัด โดยให้บริการด้านโลจิสติกส์ครบวงจร ได้แก่ การขนส่งสินค้า ชิปปิ้ง การดำเนินการด้านศุลกากร การขนส่งสินค้าผ่านแดน โดยแบ่งกลุ่มธุรกิจที่ให้บริการเป็น 3 กลุ่มหลัก ๆ ได้แก่ธุรกิจขนส่งโมเดิร์นเทรด การขนส่งทั่วไป และธุรกิจ E-commerce โดย 85% ของรายได้มาจากธุรกิจการขนส่ง 10% จากการให้บริการชิปปิ้ง และ 5% มาจากการให้บริการคลังสินค้า

และเมื่อเร็ว ๆ นี้ได้รับมอบรถบรรทุกยูดี โครเนอร์ ซึ่งเป็นรถบรรทุกขนาดกลางจำนวน 16 คันและอาจจะมีแผนเพิ่มเติม เพื่อรองรับแผนขยายงานของกลุ่ม วี.คาร์โก ซึ่งสาเหตุที่เราตัดสินใจเลือกยูดี โครเนอร์ เพราะตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเรา ธุรกิจหลักของเราคือการขนส่งที่มีคุณภาพสูง เราจึงต้องการรถบรรทุกที่ทนทาน และมีความไฮเทคในตัวรถด้วย ซึ่งมันมีอยู่ในรถโครเนอร์

ทั้งนี้การปรับแนวการดำเนินธุรกิจของกลุ่ม วี.คาร์โก ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้กลุ่ม วี.คาร์โก ได้เตรียมความพร้อมที่จะขยายธุรกิจให้บริการแก่กลุ่มลูกค้า E-commerce ซึ่งเป็นกลุ่มที่น่าจับตามองและมีแนวโน้มเติบโตสูง จึงทำให้กลุ่ม วี.คาร์โก เตรียมขยายจุดให้บริการคลังสินค้าเพิ่มเติมจากปัจจุบันที่มีอยู่ 10 จุดมาเป็น 12 จุด ด้วยงบประมาณการลงทุน 240 ล้านบาท

ปัจจุบันศูนย์บริการคลังสินค้า ตั้งอยู่ที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือจำนวน 3 แห่งที่อุบลราชธานี อุดรธานีและนครราชสีมา ภาคเหนือ 3 จุด ที่จังหวัดพิษณุโลก นครสวรรค์และเชียงใหม่ และภาคใต้ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี หาดใหญ่และภูเก็ต ส่วนภาคกลางตั้งอยู่ย่านถนนบางนา-ตราด ส่วนที่จะขยายเพิ่มเติมจะเป็นพื้นที่ขนาด 5,000 ตารางเมตรต่อแห่งที่วังน้อย จังหวัดอยุธยา และจังหวัดขอนแก่น ด้วยงบประมาณการลงทุนแห่งละ 120 ล้านบาท

 

 

 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *