โตโยต้าปรับประมาณการตลาดรถยนต์ปี 2561 แนวโน้มตลาดดี คาดยอดขายรวม 980,000 คัน เพิ่มขึ้น 12%

มร.มิจิโนบุ ซึงาตะ เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แถลงสถิติการจำหน่ายรถยนต์ครึ่งแรกของปี 2561 พร้อมปรับประมาณการตลาดรถยนต์ไทยปี 2561 เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2561

มร.ซึงาตะ กล่าวว่า “เมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมาโตโยต้าได้ฉลองยอดการผลิตครบ 10 ล้านคัน ผมขอขอบคุณผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่านอีกครั้ง ที่มีส่วนร่วมทำให้ผลิตภัณฑ์โตโยต้าเป็นที่ยอมรับและได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า และในวันนี้ผมขอแจ้งผลตลาดรถยนต์ในครึ่งปีแรกของปี 2561 มียอดขายรวมอยู่ที่ 489,118 คัน เพิ่มขึ้น 19.3% ขอขอบคุณภาครัฐสำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนภายในประเทศ รวมถึงอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย ที่ทำให้ตลาดรถยนต์ในครึ่งปีแรกเติบโตเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปีที่แล้ว”

สถิติการขายรถยนต์ ครึ่งแรกของปี 2561
   ปริมาณการขาย (คัน) เปลี่ยนแปลง

เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของ 2560

Ž     ปริมาณการขายรวม 489,118 คัน +19.3%
Ž     รถยนต์นั่ง 190,310 คัน +17.9%
Ž     รถเพื่อการพาณิชย์ 298,808 คัน +20.2%
Ž     รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) 237,429 คัน +18.1%
Ž     รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) 207,405 คัน +20.2%

โดยโตโยต้ามียอดขาย 141,989 คัน เพิ่มขึ้น 26.2% แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 53,512 คัน เพิ่มขึ้น 18.5% รถเพื่อการพาณิชย์ 88,477 คัน เพิ่มขึ้น 31.4% และรถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยอดขายรถเพื่อการพาณิชย์ 76,758 คัน เพิ่มขึ้น 21.6%

สถิติการขายรถยนต์ของโตโยต้า ครึ่งแรกของปี 2561
  • ปริมาณการขายโตโยต้า    141,989 คัน     เพิ่มขึ้น    2%   ส่วนแบ่งตลาด 29%
  • รถยนต์นั่ง                          53,512 คัน     เพิ่มขึ้น   5%    ส่วนแบ่งตลาด 28.1%
  • รถเพื่อการพาณิชย์             88,477 คัน     เพิ่มขึ้น  4 %    ส่วนแบ่งตลาด 29.6%
  • รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง)       76,758 คัน     เพิ่มขึ้น 6 %    ส่วนแบ่งตลาด 32.3%
  • รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง)   63,908 คัน      เพิ่มขึ้น 5%     ส่วนแบ่งตลาด 30.8%

มร.ซึงาตะ กล่าวว่า “สำหรับยอดขายโตโยต้าในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 141,989 คัน เพิ่มขึ้น 26.2% มีปัจจัยหลักมาจากกระแสการตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่อง จากการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาจนถึงต้นปีนี้ อาทิเช่น Yaris, Yaris ATIV, Hilux Revo ROCCO และ C-HR

สำหรับการส่งออกในครึ่งปีแรก โตโยต้าได้ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปจำนวน 145,080 คัน เพิ่มขึ้น 7% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แม้ว่าสถานการณ์การส่งออกในตลาดตะวันออกกลางมีการปรับลดลง ขณะเดียวกันการส่งออกไปยังตลาดเอเชียและโอเชียเนียมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ประเทศญี่ปุ่นและออสเตรเลีย ซึ่งเราได้เริ่มต้นทำการส่งออกรถกระบะไฮลักซ์ไปยังประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าญี่ปุ่น จนทำให้มียอดส่งออกสะสมจนถึงมิถุนายนปีนี้ รวมแล้วทั้งสิ้น 5,400 คัน ทั้งนี้ในครึ่งปีแรกการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปคิดเป็นมูลค่า 74,250 ล้านบาท และมีการส่งออกชิ้นส่วนมูลค่า 29,875 ล้านบาท รวมมูลค่าการส่งออกที่ 104,125 ล้านบาท และในส่วนของเป้าหมายการส่งออกในปี 2561 นั้น เราคาดการณ์ว่าปริมาณการส่งออกของโตโยต้ายังคงอยู่ที่ 300,000 คัน ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับปีที่ผ่านมา”

สำหรับแนวโน้มตลาดรถยนต์ของปี 2561 มร.ซึงาตะ คาดการณ์ว่า “จากการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยที่เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าGDP จะเติบโตอยู่ที่ 4.4% ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนจากการส่งออกและการท่องเที่ยวที่ขยายตัวอย่างเห็นได้ชัด รวมถึงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจากภาครัฐ และดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ที่หลากหลาย รวมทั้งกิจกรรมส่งเสริมการตลาดต่างๆ จากค่ายรถยนต์ถือเป็นปัจจัยหลักในการกระตุ้นตลาดรถยนต์ โดยคาดการณ์ว่าตลาดรถยนต์โดยรวมในประเทศปี 2561 จะปรับจาก 900,000 คัน เป็น 980,000 คัน เพิ่มขึ้น 12.4% จากปีที่แล้ว”

ประมาณการยอดขายรถยนต์ในประเทศ ปี 2561
  • ปริมาณการขายรวม                       980,000 คัน                เพิ่มขึ้น   4%
  • รถยนต์นั่ง                                    381,000 คัน                เพิ่มขึ้น   10%
  • รถเพื่อการพาณิชย์                       599,000 คัน                เพิ่มขึ้น   14%
  • รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง)             478,900 คัน                เพิ่มขึ้น   9%
  • รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง)         418,000 คัน                เพิ่มขึ้น   6%

มร.ซึงาตะ กล่าวเพิ่มเติมว่า “เนื่องจากตลาดรวมที่เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เราจึงปรับเป้าหมายการขายของโตโยต้าสำหรับตลาดในประเทศจาก 300,000 คัน เป็น 315,000 คัน เพิ่มขึ้น 31.2% จากปีที่แล้ว ดังนั้นเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ เราจะสร้างความแข็งแกร่งด้วยการเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบสนองความต้อง การของลูกค้าที่ดียิ่งขึ้น พร้อมมอบประสบการณ์ใหม่ ผ่าน“ALIVE SPACE” โชว์รูมรูปแบบใหม่ที่มีความทันสมัย ตอบรับกับ ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมทางการตลาดอีกมากมายที่เตรียมไว้ เพื่อแสดงความขอบคุณลูกค้าของเราในโอกาสฉลองความสำเร็จยอดการผลิตครบ 10 ล้านคัน ซึ่งเกิดจากความเชื่อมั่นและไว้วางใจผลิตภัณฑ์โตโยต้าของลูกค้าทุกคน

ประมาณยอดขายรถยนต์ในประเทศของโตโยต้า ปี 2561
  • ปริมาณการขายรวม                315,000 คัน   เพิ่มขึ้น 2% ส่วนแบ่งตลาด 32.1%
  • รถยนต์นั่ง                             116,000 คัน   เพิ่มขึ้น 1%    ส่วนแบ่งตลาด 30.4%
  • รถเพื่อการพาณิชย์                199,000 คัน   เพิ่มขึ้น 6%   ส่วนแบ่งตลาด 33.2%
  • รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง)    171,300 คัน   เพิ่มขึ้น 4%   ส่วนแบ่งตลาด 35.8%
  • รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) 145,000 คัน   เพิ่มขึ้น 8%   ส่วนแบ่งตลาด 34.7%

นอกจากเป้าหมายทางด้านธุรกิจที่โตโยต้ามุ่งมั่นสร้างสรรค์ยนตรกรรมแห่งการขับเคลื่อนที่ดียิ่งกว่า (ever-better mobility)  เรายังมีความตั้งใจที่จะดำเนินงานเพื่อสังคมให้ดียิ่งขึ้น (ever-better society) ผ่านกิจกรรมเพื่อสังคม อย่างโครงการที่ให้ความสำคัญด้านความปลอดภัยบนท้องถนน  โตโยต้า ถนนสีขาว ครบรอบ 30 ปี ซึ่งมีแนวคิด “มุ่งเน้นการสร้างสังคมคนขับรถดีW โดยเน้นการพัฒนาทักษะการขับรถด้วยการจัดตั้งศูนย์พัฒนาศักยภาพผู้ขับขี่รถยนต์โตโยต้าที่ Toyota Driving Experience Park เพื่อสร้างสังคมผู้ขับขี่ที่ดี นอกจากนี้ยังได้พัฒนา ปรับปรุงถนนต้นแบบโดยการปรับลดจุดเสี่ยง เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุให้เป็นศูนย์บริเวณหน้าโรงงานโตโยต้าบ้านโพธิ์และเกตเวย์

เพื่อตอบรับกับ“พันธสัญญาด้านสิ่งแวดล้อมของโตโยต้า พ.ศ. 2593” โดยหนึ่งในเป้าหมายสูงสุดคือการลดCO2 ให้เป็นศูนย์ เรายังได้ดำเนินกิจกรรมต่างๆ ภายใต้โครงการ “โตโยต้า เมืองสีเขียว”  เริ่มต้นจากภายในโรงงาน เราใช้พลังงานทดแทนและระบบการจัดการของเสียที่ได้มาตรฐานระดับโลก อีกทั้งยังส่งเสริมการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพที่โรงงานบ้านโพธิ์ ซึ่งถือเป็นโรงงานที่มีระบบนิเวศแห่งความยั่งยืนแห่งแรกของโตโยต้าในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

ยิ่งไปกว่านั้นเรายังส่งเสริมความร่วมมือกับชุมชนท้องถิ่นผ่านกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมภายนอกโรงงาน เพื่อเป็นการสร้างจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมแก่สังคมไทยผ่านกิจกรรมต่างๆ อาทิเช่น กิจกรรมลดเมืองร้อนด้วยมือเรา กิจกรรมปลูกป่าชายเลนและกิจกรรมปลูกป่านิเวศ ตลอดจนโครงการ “โตโยต้าเมืองสีเขียว อยุธยา” ศูนย์การเรียนรู้ด้านสิ่งแวดล้อมนอกโรงงานแห่งแรกที่จะเปิดในเดือนพฤศจิกายนนี้ และหนึ่งในองค์ความรู้ด้านสิ่งแวดล้อม คือ การเดินทางอย่างยั่งยืน (Sustainable Transportation) เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมโดยเชื่อมโยงกับสถานที่ท่องเที่ยวของอยุธยาด้วยรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก HA:MO

ซึ่งทั้งหมดนี้คือความมุ่งมั่นที่จะส่งมอบยนตรกรรมแห่งการขับเคลื่อนที่ดียิ่งกว่า (ever-better mobility) ให้กับ  คนไทยผ่านทางผลิตภัณฑ์และการบริการของเรา ภายใต้ปรัชญาการดำเนินธุรกิจของโตโยต้าที่ว่า “เราจะเติบโตควบคู่ไปกับสังคมไทย” มร.ซึงาตะกล่าวในที่สุด

ประมาณการปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมิถุนายน 2561
  • ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 87,854 คัน เพิ่มขึ้น 9%

อันดับที่ 1 โตโยต้า      27,814 คัน      เพิ่มขึ้น      54.9% ส่วนแบ่งตลาด 31.7%

อันดับที่ 2 อีซูซุ           12,947 คัน      เพิ่มขึ้น     16.2% ส่วนแบ่งตลาด 14.7%

อันดับที่ 3 ฮอนด้า       10,549 คัน      ลดลง      18.1% ส่วนแบ่งตลาด 12%

  • ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 37,131 คัน เพิ่มขึ้น 2%

อันดับที่ 1 โตโยต้า      10,312 คัน     เพิ่มขึ้น    38.2% ส่วนแบ่งตลาด 27.8%

อันดับที่ 2 ฮอนด้า        8,589 คัน      ลดลง      4.8% ส่วนแบ่งตลาด 23.1%

อันดับที่ 3 มาสด้า        5,289 คัน      เพิ่มขึ้น   78.6% ส่วนแบ่งตลาด 14.2%

  • ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 50,723 คัน เพิ่มขึ้น 6%

อันดับที่ 1 โตโยต้า      17,502 คัน      เพิ่มขึ้น   66.8% ส่วนแบ่งตลาด 34.5%

อันดับที่ 2 อีซูซุ           12,947 คัน      เพิ่มขึ้น   16.2% ส่วนแบ่งตลาด 25.5%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด        4,985 คัน       เพิ่มขึ้น   12.2% ส่วนแบ่งตลาด 9.8%

  • ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน* (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV)

ปริมาณการขาย 40,197 คัน เพิ่มขึ้น 29.5%

อันดับที่ 1 โตโยต้า      14,891 คัน     เพิ่มขึ้น    51.8% ส่วนแบ่งตลาด 37%

อันดับที่ 2 อีซูซุ            11,859 คัน     เพิ่มขึ้น    18.2% ส่วนแบ่งตลาด 29.5%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด         4,948 คัน      เพิ่มขึ้น   19.7% ส่วนแบ่งตลาด 12.3%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน: 4,536 คัน

โตโยต้า 2,007 คัน – มิตซูบิชิ 1,055 คัน – อีซูซุ 914 คัน – ฟอร์ด 450 คัน –  เชฟโรเลต 110 คัน

5.) ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 35,661 คัน เพิ่มขึ้น 36.1%

อันดับที่ 1 โตโยต้า      12,884 คัน       เพิ่มขึ้น    59.8% ส่วนแบ่งตลาด 36.1%

อันดับที่ 2 อีซูซุ          10,945 คัน      เพิ่มขึ้น    22.3% ส่วนแบ่งตลาด 30.7%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด        4,498 คัน       เพิ่มขึ้น    32.8%                    ส่วนแบ่งตลาด 12.6%

ประมาณการสถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – มิถุนายน 2561

1.) ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 489,118 คัน เพิ่มขึ้น 19.3%

อันดับที่ 1 โตโยต้า      141,989 คัน     เพิ่มขึ้น     26.2%    ส่วนแบ่งตลาด 29%

อันดับที่ 2 อีซูซุ           86,363 คัน     เพิ่มขึ้น     12%           ส่วนแบ่งตลาด 17.7%

อันดับที่ 3 ฮอนด้า       59,838 คัน     ลดลง      2.6%     ส่วนแบ่งตลาด 12.2%

2.) ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 190,310 คัน เพิ่มขึ้น 17.9%

อันดับที่ 1 โตโยต้า       53,512 คัน      เพิ่มขึ้น     18.5%      ส่วนแบ่งตลาด 28.1%

อันดับที่ 2 ฮอนด้า       46,287 คัน      เพิ่มขึ้น     0.7%               ส่วนแบ่งตลาด 24.3%

อันดับที่ 3 มาสด้า       24,378 คัน      เพิ่มขึ้น   43.6%       ส่วนแบ่งตลาด 12.8%

3.) ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 298,808 คัน เพิ่มขึ้น 20.2%

อันดับที่ 1 โตโยต้า      88,477 คัน      เพิ่มขึ้น    31.4% ส่วนแบ่งตลาด 29.6%

อันดับที่ 2 อีซูซุ           86,363 คัน      เพิ่มขึ้น    12%  ส่วนแบ่งตลาด 28.9%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด        32,574 คัน      เพิ่มขึ้น   29.5% ส่วนแบ่งตลาด 10.9%

4.) ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน* (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV)

ปริมาณการขาย 237,429 คัน เพิ่มขึ้น 18.1%

อันดับที่ 1 อีซูซุ            78,997 คัน     เพิ่มขึ้น    12.2% ส่วนแบ่งตลาด 33.3%

อันดับที่ 2 โตโยต้า      76,758 คัน     เพิ่มขึ้น    21.6% ส่วนแบ่งตลาด 32.3%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด        31,910 คัน     เพิ่มขึ้น    33.6% ส่วนแบ่งตลาด 13.4%

*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน: 30,024 คัน

โตโยต้า 12,850 คัน – มิตซูบิชิ 6,338 คัน – อีซูซุ 5,994 คัน – ฟอร์ด 4,394 คัน – เชฟโรเลต 448 คัน

5.) ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 207,405 คัน เพิ่มขึ้น 20.2%

อันดับที่ 1 อีซูซุ           73,003 คัน      เพิ่มขึ้น    13.7% ส่วนแบ่งตลาด 35.2%

อันดับที่ 2 โตโยต้า      63,908 คัน      เพิ่มขึ้น    22.5% ส่วนแบ่งตลาด 30.8%

อันดับที่ 3 ฟอร์ด        27,516 คัน      เพิ่มขึ้น    35.7% ส่วนแบ่งตลาด 13.3%

 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *