เป็นที่ทราบกันดีว่าตอนนี้เมืองไทยคือเมืองแห่งการท่องเที่ยว ซึ่งเราเชื่อว่าหลายๆ ท่านกำลังเตรียมตัวและเตรียมรถยนต์สำหรับเดินทางไกลกัน โดยเฉพาะการขึ้นเหนือเพื่อรับลมหนาว ซึ่งถือว่าเป็นทริปในฝันอันสุดพิเศษ
อย่างไรก็ตาม การเดินทางทุกครั้ง โดยเฉพาะการขับรถท่องเที่ยวไม่ได้หมายความว่าแค่ตกลงใจแล้วก็สามารถออกเดินทางไปได้เลย เรายังต้องมีการเตรียมตัวในหลายๆ ด้านเพื่อให้ทุกอย่างมีความพร้อมและทำให้ทริปนั้นๆ ไม่กลายเป็นเรื่องแห่งความทุกข์มากกว่าความสนุกและในเดือนนี้ เรามีเทคนิคดีๆ มาฝากกัน
4 เทคนิคการจัดของในรถ
แน่นอนว่าในเมื่อรถเป็นพาหนะในการเดินทาง และบรรทุกสัมภาระไปด้วยในตัว ดังนั้นสิ่งที่จะต้องเจอคือ เราจะใช้ประโยชน์จากพื้นที่ใช้สอยได้อย่างไร เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และในวันนี้เรามีเทคนิคในการจัดเรียงสัมภาระต่างๆ มาฝากกัน
1.“ความถี่ในการใช้งาน” แบ่งโซนพื้นที่เก็บของให้เป็นหมวดหมู่ โดยพิจารณาว่าอะไรที่ใช้บ่อยและใช้เป็นประจำควรวางเอาไว้ด้านหน้า หรือวางไว้ในตำแหน่งที่สามารถหยิบใช้งานได้ง่ายและสะดวกที่สุด
2.“ลำดับจากเวลาใช้งาน” เรียงลำดับการจัดวางสิ่งของโดยดูว่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นในวันนั้นบ้าง แล้วเรียงเก็บสิ่งของขึ้นรถตามลำดับเวลาเพื่อช่วยทำให้การขนของขึ้น – ลงง่าย สะดวก แถมยังประหยัดเวลาในการเดินทาง
3.“เรียงจากใหญ่ไปเล็ก” เมื่อต้องขนสัมภาระครั้งละมากๆ ให้เลือกสัมภาระชิ้นใหญ่ไว้ด้านในหรือล่างสุดก่อน ตามด้วยของที่มีขนาดรองๆ ลงมา แล้วค่อยวางของที่มีขนาดเล็กที่สุด ปิดท้ายด้วยของที่มีขนาดเล็กมากๆ หรือของที่สามารถปรับเปลี่ยนรูปทรงได้ เช่น ผ้าหรือสิ่งของที่บรรจุอยู่ในถุงหิ้วพลาสติก โดยอาจวางไว้ตามซอกหรือช่องว่างระหว่างสัมภาระชิ้นใหญ่ก็ได้เช่นกัน
4.“เรียงสิ่งของต่อกัน” บรรจุของใช้ลงในกล่องกระดาษหรือตะกร้าพลาสติกทรงสี่เหลี่ยม และนำมาวางเรียงต่อกันให้พอดีกับพื้นที่ห้องเก็บของด้านหลัง ตามแนวขวางหรือแนวลึก เพื่อกันไม่ให้ของเลื่อนไปมาระหว่างที่รถวิ่ง นอกจากจะช่วยจำแนกของเป็นหมวดหมู่ ใช้งานง่ายแล้ว ยังไม่เพิ่มน้ำหนักบรรทุกอีกด้วย
สิ่งจำเป็นควรมีติดรถไว้
ไม่ว่าจะเดินทางไกล หรือการขับใช้งานปกติ เราควรมีการเตรียมตัวและเตรียมอุปกรณ์อะไรบางอย่างเอาไว้เพื่อรองรับกับสถานการณ์ฉุกเฉินหรือเรื่องไม่คาดฝันขึ้นเพื่อลดความรุนแรงของปัญหาที่เกิดขึ้นจากหนักให้เป็นเบาได้ และนี่คือ สิ่งของที่เรามองแล้วว่าน่าจะมีการติดรถเอาไว้
ยางอะไหล่
– เป็นสิ่งที่จำเป็นและต้องติดไว้ประจำในรถเสมอ เพราะอาจมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันซึ่งเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา บางทีอาจเจอสภาพถนนที่ไม่เหมาะสมจนทำให้เราเจอกับปัญหา อย่างเช่น ยางแบน ยางระเบิด ยางรั่ว แต่ถ้าเรามียางอะไหล่ก็หมดหายห่วงแล้ว
สายต่อพ่วงแบตเตอรี่รถยนต์
-เมื่อเจอกับปัญหาสตาร์ทรถไม่ติดมักจะพบกับคำว่า “เหน็ดเหนื่อย” แน่นอน แต่ถ้าเรามีสายจั้มแบตเตอรี่ หรือ สายต่อพ่วงแบตเตอรี่รถยนต์หายเหนื่อยเลย และบางทีเราอาจจะได้เป็นคนช่วยเหลือรถคันอื่นได้ด้วย
ที่วัดลมยาง
– อาจเป็นแค่อุปกรณ์ชิ้นเล็กๆ ที่ดูไม่ค่อยจำเป็นเท่าไหร่ แต่ในกรณีก่อนที่จะเดินทางไกลหรือยามที่จอดรถทิ้งไว้นานๆ ที่บ้าน มันจะมีความจำเป็นต้นๆ ที่จะต้องหยิบเจ้าสิ่งจิ๋วนี้มาทำการตรวจเช็คลมยางก่อนออกเดินทาง ทั้งนี้เพื่อการคำนวณปริมาณแรงดันลมในล้อของคุณได้อีกด้วยเพื่อให้เกิดความเหมาะสมและใช้ในการตัดสินใจว่าควรจะทำการเข้าปั้มหรือร้านยางเพื่อเติมลมหรือไม่
ไฟฉาย
– เป็นหนึ่งอุปกรณ์ที่จำเป็น เมื่อเกิดเหตุการณ์รถเสียกลางทางยามค่ำคืน ต้องออกโรงซ่อมรถเอง ไฟฉายนี่แหละที่จะทำให้เราเห็นอะไรๆ ต่างๆ ง่ายยิ่งขึ้น แต่เดี๋ยวนี้ Smart Phone ก็มีระบบของไฟฉาย ก็สามารถนำมาใช้แทนได้
ยาและชุดปฐมพยาบาลขั้นพื้นฐาน
-ควรมียาและชุดปฐมพยาบาลขั้นพื้นฐานพกติดรถไว้ อย่างเช่น ยาแก้ปวด พลาสเตอร์ ยาล้างแผล หรือยารักษาโรคประจำตัว เพราะอย่างน้อยฉุกเฉินขึ้นมาจะได้ไม่ต้องวุ่นวายหาร้านยาทีหลัง
ที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือ
– ยุคสมัยแบบนี้ ที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือสำคัญเท่ากับการดื่มน้ำของคนเราเลยทีเดียว ถ้าเดินทาง ไปไหนซักที่ แล้วเกิดอุบัติเหตุหรือรถยนต์เสีย แต่แบตเตอรี่โทรศัพท์ดันหมด แถมลืม Power bank อีกต่างหาก แล้วจะทำอย่างไงล่ะทีนี้ ??? จะโทรเรียกประกันก็ไม่ได้ ดังนั้น ควรพกไปด้วยอุปกรณ์ชาร์จโทรศัพท์มือถือในรถ
อาหารและน้ำ
-ช่วยประทังความหิวไปได้หรือมีไว้ใช้ยามฉุกเฉินจริงๆ แล้วยิ่งถ้าคนเป็นโรคกระเพาะด้วยแล้วอาหารแห้งและขนมขบเคี้ยวอย่าให้ขาด ถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นทีเดียว