ในรถจักรยานยนต์ Honda มีระบบจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีดที่มีความสำคัญมาก ซึ่งชื่อที่เรียกกันคือ PGM-FI โดยทำงานในรูปแบบควบคุมและสั่งการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเปรียบเสมือนกับสมองกลอัจฉริยะ ECU (Engine Control Unit) พร้อมด้วยกลไกต่างๆ ที่เป็นเทคโนโลยีล้ำสมัย
ส่งผลให้การคำนวณอัตราของการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงมีความเที่ยงตรงแม่นยำมาก ส่งผลให้มีอัตราการประหยัดน้ำมันที่สูง ในขณะที่เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ตอบสนองทุกความต้องการของผู้ขับขี่ด้วยแรงบิดที่ดีเยี่ยม และให้สมรรถนะสูง รวมทั้งยังเผาไหม้สมบูรณ์หมดจดจึงทำให้มีไอเสียที่สะอาด
กลไกสำคัญต่างๆ ในระบบ PGM-FI
ประกอบด้วย ECU (Engine Control Unit) หรือ กล่องควบคุมการทำงานของระบบจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีด PGM-FI อันเปรียบเสมือนเป็นสมองกลของเครื่องยนต์ ซึ่งทำงานโดยประมวลข้อมูลที่ส่งมาจากอุปกรณ์ตรวจวัด หรือเซ็นเซอร์ต่างๆ ที่มีทั้งหมด 6 ตัวด้วยกัน ประกอบด้วย เซ็นเซอร์ตรวจเช็คอัตราการบิดคันเร่ง, อุณหภูมิอากาศ, แรงดันในท่อไอดี, อุณหภูมิน้ำหล่อเย็น, ความเร็วรอบเครื่องยนต์ และปริมาณออกซิเจนบริเวณท่อไอเสีย เพื่อคำนวณและควบคุมการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างเหมาะสม พร้อมกำหนดจังหวะจุดระเบิดให้สอดคล้องกับสภาวะการทำงานของเครื่องยนต์ เพื่อให้ประสิทธิภาพสูงสุดในการจุดระเบิด ซึ่งทำให้เครื่องยนต์มีอัตราเร่งดี มีการเผาไหม้อย่างหมดจด และไม่สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง
เล็กกะทัดรัด แต่มีประสิทธิภาพสูง
หัวฉีด PGM-FI มีขนาดกะทัดรัดรับการออกแบบให้ติดตั้งในตำแหน่งที่สามารถฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยวางในแนวดิ่ง ตั้งฉากกับพื้น ปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิง ได้รับการออกแบบให้ล้ำสมัยด้วยขนาดกะทัดรัด ทั้งนี้เพื่อให้การติดตั้งง่ายและสะดวกรวมทั้งแน่นสนิทในเครื่องยนต์ขนาดเล็ก และที่สำคัญได้รับการออกแบบให้เพิ่มแรงดันน้ำมันมากขึ้น เพื่อสร้างประสิทธิภาพสูงสุด เพลาข้อเหวี่ยงแบบมีระยะเยื้องศูนย์(Offset)ส่งผลให้กระบอกสูบเลื่อนต่ำลงและมีพื้นที่สำหรับวางระบบหัวฉีด โดยไม่ต้องเพิ่มขนาดเครื่องยนต์ ช่วยลดแรงเสียดทานทำให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น เซ็นเซอร์ตรวจจับปริมาณออกซิเจน (Heaterless Oxygen Sensor) เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีเอกสิทธิ์เฉพาะของฮอนด้า โดยเซ็นเซอร์ตัวนี้ทำหน้าที่ตรวจจับออกซิเจนในไอเสีย ซึ่งติดตั้งที่บริเวณฝาสูบ (Cylinder Head) และการติดตั้งบริเวณดังกล่าวนั้น ส่งผลให้โครงสร้างเครื่องยนต์มีขนาดกะทัดรัด รวมทั้งมีประสิทธิภาพในการตรวจจับออกซิเจน ช่วยให้ไอเสียสะอาดยิ่งขึ้น
คุณสมบัติพิเศษ
สมรรถนะดี เครื่องเดินเรียบ ด้วยการทำงานของเซ็นเซอร์ตรวจวัดสภาพการขับขี่จากอัตราการบิดคันเร่งหัวฉีดจึงสามารถฉีดจ่ายน้ำมันได้อย่างรวดเร็ว ในปริมาณที่พอเหมาะดี เมื่อเร่งความเร็ว เครื่องจึงเดินเรียบและเร่งได้ทันใจกว่า
ค่าไอเสียต่ำ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ด้วยการทำงานที่ประสานกันอย่างลงตัวระหว่าง ตัวตรวจจับสัญญาณ และ ECU ทำให้หัวฉีด ฉีดจ่ายน้ำมันได้ปริมาณที่เหมาะกับสภาวะต่างๆ อย่างเที่ยงตรงแม่นยำ ซึ่งหมายความว่า เครื่องยนต์จะใช้เชื้อเพลิงมากน้อยตามที่ควรจะเป็น และถูกใช้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด การเผาไหม้จึงหมดจดสมบูรณ์ที่สุด ด้วยกลไกประหยัดน้ำมันในส่วนต่างๆ ของเครื่องยนต์ รวมกับความสามารถในการคำนวณการฉีดจ่ายน้ำมันอย่างแม่นยำของระบบหัวฉีด ทำให้มีอัตราการประหยัดน้ำมันสูงสุดถึงกว่า 30 % เมื่อเปรียบเทียบกับรถที่ใช้ระบบคาบูเรเตอร์
นอกจากจะมีความประหยัดแล้วเครื่องยนต์ยังสตาร์ทติดง่ายในทุกสภาวะ เพราะขณะที่สตาร์ทเครื่องยนต์ ระบบ PGM-FI นี้จะจ่ายไฟไปยังจุดที่เกี่ยวข้องกับการสตาร์ทเท่านั้น แม้แบตเตอรี่จะเหลือน้อยก็ยังสตาร์ติดง่าย ในกรณีที่จอดทิ้งไว้ ไม่ได้ใช้หลายวัน หรือวันที่อากาศเย็นก็สตาร์ทได้ทันใจไม่ต้องอุ่นเครื่อง เพราะเมื่อเซ็นเซอร์ตรวจวัดอุณหภูมิน้ำมันเครื่องส่งข้อมูลมา ECU ว่าอุณหภูมิน้ำมันเครื่องต่ำลง ECU จะสั่งให้ฉีดจ่ายน้ำมันมากขึ้นตามข้อมูลที่เซ็นเซอร์ส่งมาที่ระบบความปลอดภัย ตัดการจ่ายน้ำมันเมื่อรถล้ม เพราะมีเซ็นเซอร์ตรวจองศาการเอียงของรถ ซึ่งระบบจ่ายน้ำมันจะถูกตัดทันทีที่รถล้ม โอกาสที่จะเกิดไฟไหม้รถก็หมดไป นอกจากนี้ยังมีกลไกลตรวจสอบการทำงานของระบบหัวฉีดโดยอัตโนมัติ ECU สามารถตรวจสอบความพร้อมในการทำงานของระบบโดยจะมีสัญญาเตือนเมื่อระบบมีความผิดปกติ สังเกตได้จากไฟแสดงความพร้อมของระบบหัวฉีดที่หน้าปัด หลังจากบิดกุญแจสตาร์ทไปที่ ON แล้ว หากไฟแสดงความพร้อมของระบบหัวฉีด กระพริบเตือน แสดงว่าระบบไม่พร้อม ต้องนำรถมาเข้าศูนย์เพื่อให้ช่างตรวจสอบ เป็นการเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่
ที่มา www.aphonda.co.th