เป็นการเปลี่ยนแบบยกชุดโดยแท้กับ MG3 ใหม่ รถแฮทช์แบ็ค เครื่องยนต์ขนาด 1,500 ซีซี ซึ่ง MG3 ใหม่ ในเวอร์ชั่น 2018 เรียกได้ว่าแทบจะลบภาพเก่าออกทั้งหมด
ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ ดีไซน์ภายใน ดีไซน์ภายนอก (นิดหน่อย) แต่จุดสำคัญอยู่ที่ระบบเกียร์ที่เปลี่ยนมาใช้แบบทอร์คคอนเวอร์เตอร์ 4 สปีด และ ยังเพิ่มเทคโนโลยี i-SMART (ในรุ่นตัว Top) เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทางอีกด้วย
อะไรเปลี่ยนไปบ้างใน MG3 ใหม่ เวอร์ชั่น 2018
เริ่มจากน้ำจิ้มอย่างภายนอกของ MG3 ใหม่ ที่ดีไซน์กระจังหน้าใหม่ ใช้ไฟหน้าเป็นแบบโปรเจคเตอร์ พร้อมระบบ Daytime Running Lights ส่วนไฟท้ายเป็นแบบแอลอีดี ไลท์ไกด์ (LED Light Guide) พร้อมไฟเบรกดวงที่สามและไฟตัดหมอกหลัง (ซึ่งในรุ่นก่อนใช้ไฟหน้าและไฟท้ายแบบมัลติรีเฟล็กเตอร์) เสริมด้วยสปอยเลอร์หลังดีไซน์สปอร์ต สเกิร์ตข้างสีทูโทน และล้ออัลลอยด์ขนาด 16 นิ้ว ถ้าดูโดยรวมภายนอกยังคุ้นตาเหมือนในเวอร์ชั่นที่ผ่านมา แต่ใส่ออฟชั่นลงไปเพิ่มมากยิ่งขึ้น
ภายใน MG3 ใหม่ เปลี่ยนแบบเห็นได้ชัด
มีความสะดุดตาอย่างชัดเจนภายในห้องโดยสาร ด้วยการออกแบบแผงคอนโซลหน้าตกแต่งเส้นสายสีสันโมเดิร์นกราฟิก พร้อมระบบปรับอากาศเป็นแบบอิเล็คทรอนิก และช่องแอร์ทรงกลมสไตล์เจ็ท เทอร์ไบน์ ที่เน้นความสะดวกสบายของผู้นั่ง โดยเบาะนั่งด้านคนขับสามารถปรับ 6 ทิศทาง และเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับ 4 ทิศทาง และยังคงคอนเซ็ปต์เบาะนั่งหลังที่สามารถปรับพับแยกส่วนในการเก็บสัมภาระแบบ 60:40 เหมือนรถแฮทช์แบ็คทุกรุ่น สำหรับในการได้สัมผัสห้องโดยสารของ MG3 ใหม่ ในครั้งนี้ ดูมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็มีจุดสะดุดอยู่หน่อยคือ ในรุ่นสูงสุดเบาะนั่งกลับเป็นผ้าเป็นส่วนประกอบ(น่าจะเป็นเบาะหนังทั้งชิ้น) ส่วนในรุ่นถัดๆ มาเป็นเบาะผ้าล้วนทั้งหมด แต่ดูโดยรวมนับว่ามีการเปลี่ยนอย่างชัดเจน
MG3 ใหม่ มากับเครื่องยนต์ใหม่ ซึ่งใช้ในตัวเดียวกับ ZS
MG3 ใหม่ มาพร้อมขุมพลังเครื่องเบนซิน DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว 1,498 ซีซี VTi-TECH จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดมัลติพอยท์ ให้กำลังสูงสุด 112 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 150 นิวตัน-เมตรที่ 4,500 รอบ/นาที ส่งผ่านกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ แบบ Torque Converters พร้อม Manual Mode ที่สามารถปรับ + – ได้ และสามารถรองรับน้ำมันเชื้อเพลิงได้สูงสุดถึง E85
ซึ่งถ้าเทียบกับในรุ่นเก่าที่จำหน่ายในปี 2017 คือเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร DOHC VTi-TECH 4 สูบ 16 วาล์ว 106 แรงม้า จ่ายน้ำมันด้วยระบบวาล์วแปรผันคู่ MG3 ใหม่ จึงมีความแตกต่างเรื่องแรงม้าอย่างชัดเจน และยังมีระบบจ่ายน้ำมันคนละรูปแบบอีกด้วย ที่สำคัญระบบเกียร์แบบ SeleMatic 5 สปีด ที่มีรูปร่างแปลกตา และไม่ค่อยเหมาะกับคนไทยมากนัก ได้ปรับมาให้ใช้งานได้ง่ายมากยิ่งขึ้นโดยใช้พื้นฐานระบบเกียร์ Torque Converters ที่นิยมมาใช้แทน
ระบบการเชื่อมต่ออัจฉริยะ i-SMART นับว่าเด่นที่สุดใน MG3 ใหม่
สำหรับใครที่เคยเล็งระบบ i-SMART ใน ZS ไว้ คราวนี้ต้องไม่พลาดกับ MG3 ใหม่ เพราะได้ยกฟังก์ชั่นความสะดวกสบายในรูปแบบเชื่อมต่อมาอย่างครบถ้วน ซึ่งระบบเทคโนโลยี i-SMART สามารถเชื่อมกับอินเทอร์เน็ตและระบบสั่งการด้วยเสียงภาษาไทยและสามารถรวบรวมข้อมูลที่มีความสำคัญและแจ้งต่อผู้ขับได้ตลอดเวลา อาทิ ระดับน้ำมันเชื้อเพลิง สภาพการทำงานของแบตเตอรี่ เครื่องยนต์ และระบบเบรก ผ่านสมาร์ทโฟน (โทรศัพท์) พร้อมกับช่วยแจ้งเตือนการเคลื่อนที่ของรถที่ผิดปกติซึ่งอาจเกิดจากการโจรกรรม ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้อีกระดับ
สำหรับ MG3 ใหม่ ได้มีการเพิ่มประสิทธิภาพของ i-SMART ด้วยการอัพเดตฟังก์ชั่นใหม่บนแผนที่นำทาง สนุกและสะดวกมากขึ้นกับจอระบบสัมผัส ขนาด 8 นิ้ว ที่ให้เทคโนโลยีเติมความสนุกในทุกเส้นทาง ด้วยฟังก์ชันที่ใช้งานได้หลากหลาย ทั้งฟังก์ชั่นการใช้งาน WONGNAI สำหรับเสิร์ชหาร้านอาหารและแนะนำเมนูเด็ด ฟังก์ชันใช้งาน AGODA เพื่อค้นหาโรงแรม เมื่อต้องท่องเที่ยวหรือเดินทางค้างแรม รวมทั้งฟังก์ชันใช้งาน Online Music ในรูปแบบ Live Stream บนระบบคลาวด์ได้กว่า 1 ล้านเพลง ช่วยเติมเต็มความสนุกของตลอดการขับขี่ได้เสมอ
ในฐานะของผู้ได้สัมผัสระบบ i-SMART ใน MG3 ใหม่คิดว่าระบบนี้มีประโยชน์ในรูปแบบตัวช่วยเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานผ่าน Application บนมือถือที่สามารถตรวจเช็คสิ่งจำเป็นต่างๆ ได้ อาทิ พิกัดรถ ลมยาง น้ำมันเชื้อเพลิง แบตเตอรี่ เครื่องยนต์ ระบบเบรก และยังสั่งล็อกรถในระยะไกลได้ถ้าหากเรากลัวลืม (แต่ไม่สามารถสั่งสตาร์ทรถและเปิดแอร์ได้อย่าง ZS) ส่วนระบบแผนที่นำทางบนตัวรถนับว่ามีความละเอียดพอตัวมีการแสดงผลการจราจรที่คับคั่งหรือเลือกเส้นทางที่ทำเวลาได้ดีที่สุดให้ ซึ่งระบบแผนที่นำทางจะทำงานควบคู่กับการหาเส้นทางต่างๆ ที่ทาง MG เป็นพาร์ทเนอร์กับ WONGNAI และ AGODA อีกด้วย (พร้อมด้วยการรีวิวและการดูคะแนนจากผู้ที่เคยใช้บริการ) นอกจากนี้ MG3 ใหม่ ที่มีระบบ i-SMART ยังสามารถติดต่อกับคอลเซ็นเตอร์ได้ ถ้าหากคุณหาเส้นทางในการเดินทางไม่เจอ เพียงแค่โทรกลับไปทางคอลเซ็นเตอร์จะส่งแผ่นที่กลับมาในทันที ผ่านข้อความ Messages ที่อยู่ด้านหน้าจอเครื่องเสียง
มาดูในเรื่องคำสั่งเสียงกันบ้าง สำหรับ MG3 ใหม่ มีลูกเล่นคล้ายๆ กับ ZS ที่สามารถสั่งการแอร์ในรูปแบบต่างๆ การสั่งงานระบบเครื่องเสียงในทุกฟังก์ชั่น อาทิ เร่งเสียง เบาเสียง เปลี่ยนคลื่นวิทยุ การสั่งงานแผนที่ด้วยคำสั่งเสียง และ โทรศัพท์โดยบอกหมายเลข (การใช้โทรศัพท์ จะแบ่งเป็น 2 รูปแบบ คือการโทรผ่าน Bluetooth ที่เชื่อมต่อกับโทรศัพท์ และการโทรผ่านซิมฯ ที่อยู่ในระบบเครื่องเสียง ซึ่งจะมีการจ่ายเงินที่แตกต่างเช่นกัน คือทันที่ที่เราต่อเชื่อม Bluetooth กับโทรศัพท์ค่าบริการจะเงินกับทางโทรศัพท์ แต่ถ้าไม่ได้ต่อ Bluetooth ค่าโทรจะหักกับซิมฯ ที่อยู่ในระบบเครื่องเสียง ซึ่งสามารถใช้ได้ 50 นาทีต่อเดือน ซึ่งถ้าโทรเกินจะไม่สามารถโทรออกได้แต่สามารถใช้ Internet และยังสามารถใช้โทรหาคอลเซ็นเตอร์ได้เหมือนเดิม) ***ส่วนคำสั่งเสียงที่หายไปคือการสั่ง เปิด-ปิด ซันรูฟ และ คำสั่ง เปิด-ปิด กระจกด้านคนขับ
ครั้งแรกกับการขับ MG3 ใหม่
ตั้งแต่เห็นรูปทรง MG3 ใหม่ ก็มีความแปลกตาตั้งแต่แรก ด้านนอกที่ดูเปลี่ยนน้อยแต่ถ้าไล่ดีเทลแล้วนับว่าค่อนข้างเยอะพอดู ส่วนด้านในเหลือทรงเก่าเพียงน้อยนิดเท่านั้น ที่โดนใจมากที่สุดในรถ MG3 ใหม่ น่าจะมี 3 อย่าง คือ เครื่อง เกียร์ และ ระบบ i-SMART ที่เติมเต็มการใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
MG3 ใหม่ เครื่องใหม่ เกียร์ใหม่ ขับดีไหม??
สำหรับการใช้งานในเมืองเครื่องเบนซิน 4 สูบ 16 วาล์ว 1,498 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 112 แรงม้า และให้แรงบิดสูงสุด 150 นิวตัน-เมตรที่ 4,500 รอบ/นาที ทำงานคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ แบบ Torque Converters ที่สามารถปรับ + – ได้ในโหมด Manual Mode และยังสามารถรองรับน้ำมันเชื้อเพลิงได้สูงสุดถึง E85 นับว่าตอบโจทย์การใช้งานอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งอัตราสิ้นเปลืองในเมืองถ้าทำตัวเลขเนียนๆ ก็น่าจะอยู่ประมาณ 12 กิโลเมตรต่อลิตร
กลับกันในการเดินทางต่างจังหวัดถ้าขับในรอบเครื่องยนต์คงที่ในความเร็วสัมพันธ์ไม่เกิน 2,500 – 3,000 รอบต่อนาที มีตัวเลขให้เห็นมากกว่า 15 กิโลเมตรต่อลิตรเลยทีเดียว สำหรับเครื่องยนต์ขนาด 1,500 ซีซี ที่อยู่ใน MG3 ใหม่ นับว่าเข้ากับน้ำหนักตัวรถไม่มากไม่น้อยจนเกินไปทำให้ขับสนุก มีอัตราเร่งที่พอตัวจับคู่กับระบบเกียร์ 4 สปีด (ใช้งานง่ายกว่าแต่ก่อนเยอะ) ทำให้มีความคล่องตัวในการใช้งาน แต่ถ้าอยากสนุกหรือเร่งแซงเพียงปรับก้านเกียร์มาที่โหมด Manual Mode ก็สามารถปรับเกียร์ขึ้นลงเองได้ตามต้องการ
มาดูด้านระบบช่วงล่างกันบ้าง MG3 ใหม่ ยังคงคอนเซ็ปต์เดิมคือด้านหน้ามาในรูปแบบของแมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังเป็นทอร์ชันบีม มาพร้อมระบบเบรกด้านหน้าแบบดิสก์เบรกพร้อมช่องระบายความร้อน ส่วนด้านหลังแบบดรัมเบรก เท่าที่จับอาการได้ถ้าให้เปรียบเทียบกับรุ่นเก่าที่ผ่านมา ในเวอร์ชั่นปี 2018 มีความกระด้างและเกาะถนนเพิ่มขึ้นพอดู คนที่ชอบแนวสปอร์ตน่าจะเข้าทาง แต่ก็ไม่ได้แข็งกระด้างจนคนที่ชอบช่วงล่างแบบนุ่มๆ ขับไม่ได้ เพียงแต่จะมีความกระเด้งนิดๆ เท่านั้น
ในด้านความปลอดภัยนั้น MG3 ใหม่ ยังจัดเต็มเช่นเคยซึ่งมาพร้อมระบบโครงสร้างตัวถังนิรภัย USD (Ultimate Stiffness Design) พร้อมถุงลมนิรภัยคู่หน้า และมั่นใจยิ่งขึ้นด้วยระบบความปลอดภัยแบบ SYNCHRONIZE PROTECTION SYSTEM รวม 8 ฟังก์ชัน ที่ทำงานประสานกันเป็นหนึ่งเดียว ประกอบด้วย ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรกฉุกเฉิน ABS(Anti-Lock Braking System) พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake Force Distribution) ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist) ระบบควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System) เข้าโค้งอย่างมั่นใจด้วยระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System) ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System) และระบบป้องกันการลื่นไถล เมื่อเกียร์ลดต่ำอย่างฉับพลัน MSR (Motor Control Slide Retainer) นอกจากนี้ยังมาพร้อมกล้องมองหลัง และสัญญาณเตือนระยะถอยหลังที่ช่วยให้การถอยจอดเป็นไปอย่างง่ายดายยิ่งขึ้น
สรุป MG3 ใหม่ คือ…
ถ้าเทียบ MG3 ใหม่ในเรื่องราคากับฟังก์ชั่นที่ให้มานับว่าคุ้มเกินตัว สูงกว่า Eco Car หน่อย ต่ำกว่าตัวท็อปเครื่อง 1,500 ซีซี แบรนด์ดังอยู่เยอะพอควร ถ้าคนชอบอะไรใหม่ๆ MG3 ใหม่ นับว่ามีลูกเล่นที่ตอบสนองคนยุคใหม่ได้อย่างครบถ้วน ส่วนราคาก็….รุ่น C ราคา 519,000 บาท, รุ่น D ราคา 549,000 บาท, รุ่น X Sunroof ราคา 589,000 บาท และรุ่น V Sunroof ราคา 629,000 บาท