เจาะความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจในครึ่งปีแรกของปี 2561 ด้วยตัวเลขยอดขายรถมาสด้า 6 เดือนแรก พุ่งสูงถึง 33,593 คัน เติบโตกว่า 41% ทำสถิติใหม่อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ของมาสด้า ซึ่งมี 4 ข้อหลักในการทำกลยุทธ์ให้ประสบผลสำเร็จดังนี้
1.กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจความเป็นหนึ่งเดียว หรือ One Mazda
จุดเปลี่ยนที่ทำให้มาสด้าเป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมและเกิดการเติบโตอย่างยั่งยืนในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการคิดนอกกรอบ กล้าที่จะแตกต่างของมาสด้าในเรื่องการพัฒนาเทคโนโลยีและยนตรกรรม การยึดมั่นให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลางของแนวคิดในการทำงาน โดยทำความเข้าใจความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภคอย่างละเอียด ตั้งแต่การเริ่มต้นการผลิตไปยังลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าเกิดประสบการณ์ที่ดีที่สุด โดยเฉพาะการนำเอากลยุทธ์ Mazda Building Block Strategy มาใช้ในการกำหนดทิศทางการพัฒนาเทคโนโลยีในอนาคตแบบเป็นขั้นเป็นตอน และเป็นการนำเอาเทคโนโลยีในอนาคตมาใช้ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งในเรื่องของการรักษาสิ่งแวดล้อม การประหยัดพลังงาน และการพัฒนาอุตสาหกรรมในส่วนของภาคผลิต รวมทั้งการบริหารธุรกิจในลักษณะ Distribution Business โดยมีผู้จำหน่ายเป็นผู้ขายและให้การบริการตรงกับลูกค้า ทำให้มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย และผู้จำหน่ายสามารถทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดและเป็นหนึ่งเดียว หรือ One Mazda ควบคู่ไปกับการสนับสนุนอย่างดียิ่งจากมาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น
2.กลยุทธ์ด้านการขาย
คือสิ่งสำคัญที่จะส่งผลทำให้มาสด้าประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย การที่มาสด้าจะพัฒนาในด้านการขาย อันดับแรก คือ ต้องหากลุ่มลูกค้าให้ตรงตามกลุ่มเป้าหมาย โดยสถานที่ที่จะพบลูกค้าได้นั้นนอกจากที่โชว์รูมแล้ว คือการจัดกิจกรรมนอกสถานที่ หรือการออกงานอีเว้นท์ตามสถานที่ต่างๆ รวมทั้งกิจกรรมบนสื่อออนไลน์ ประกอบด้วย
- การจัดกิจกรรมในโชว์รูมและการออกโรดโชว์ตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อสร้างความใกล้ชิดกับลูกค้ามากขึ้น โดยแยกเป็นการจัดงานบนโชว์รูม ใช้ชื่องานว่า “MAZDA NEXT EXPERIENCE” ส่วนการจัดงานตามห้างสรรพสินค้า ใช้ชื่องานว่า “MAZDA SKYACTIV FESTIVAL” เพื่อสร้างความแตกต่างให้ผู้บริโภคเกิดการจดจำในการเข้าร่วมกิจกรรม ซึ่งทั้งสองกิจกรรมนี้ จะจัดขึ้นเป็นประจำในทุกๆ เดือน และกระจายออกไปตามพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศไทย ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด
- นโยบายการสนับสนุนการขายในงานบิ๊กอีเว้นท์ ซึ่งกระจายอยู่ทั่วกรุงเทพฯ ประกอบด้วย 5 งานหลักประจำปีโดยเป็นงานแสดงรถยนต์ในเขตกรุงเทพฯ ได้แก่ Motor Show, Fast Auto Show, Auto Salon, Big Motor Sales และ Motor Expo และงานตามต่างจังหวัด ได้แก่ Local Motor Show, Mini Motor Show ที่ห้างสรรพสินค้า, งานประจำปี (Annual Fair) และงานกาชาด (Red Cross Fair)
- การขยายพื้นที่โชว์รูมตามมาตรฐานใหม่ หรือ Mazda Corporate Identity ปัจจุบันแล้วเสร็จประมาณ 50% หรือ 62 โชว์รูม เป้าหมายของมาสด้าในปีนี้คือ 90% และทั้งหมดจะแล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ 2562 ปัจจุบันมีโชว์รูมทั้งหมด 134 แห่ง เป้าหมายคือขยายเพิ่มเป็น 140 แห่ง ภายในปีนี้ และในเร็วๆ นี้ มาสด้าเตรียมเปิดโชว์รูมแห่งใหม่รวดเดียว 5 แห่ง ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด
3.กลยุทธ์ด้านการเอาใจใส่ดูแลลูกค้า
นอกจากยอดขายที่เติบสูงสุดแล้ว สิ่งสำคัญที่มาสด้ายึดมั่นมาตลอดคือการสร้างมาตรฐานการบริการหลังการขายให้มีมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ เพื่อเอาใจใส่ดูแลลูกค้าอย่างดีที่สุดตลอดระยะเวลาที่ครอบครองรถ โดยเฉพาะครึ่งปีหลังนี้มาสด้าเน้นในส่วนของการบริการหลังการขาย ด้วยการเร่งมือปฏิบัติตามโปรแกรม MAZDA ACTIV SERVICE ซึ่งเกิดจากคอนเซ็ปต์ Feel the passion หรือ มุ่งมั่นดูแลรถใส่ใจดูแลคุณ เป็นแนวคิดที่สะท้อนให้เห็นถึงความมี Passion ของชาวมาสด้า รวมถึงความมุ่งมั่นตั้งใจจริงและความปรารถนาดีในการให้บริการแก่ลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าได้รับบริการที่ดีที่สุด จนเกิดความพึงพอใจสูงสุด
ทั้งนี้ภายใต้โปรแกรม MAZDA ACTIV SERVICE นั้นมีความหลากหลาย อาทิ
- Mazda Premium Insurance หรือโครงการประกันภัยรถยนต์ประเภท1 ด้วยเงื่อนไขความคุ้มครองและสิทธิพิเศษต่างๆ สำหรับลูกค้ามาสด้าเท่านั้น
- Mazda Care หรือโปรแกรมที่มอบให้แก่ลูกค้าในการซ่อมบำรุงและตรวจเช็คสภาพรถ ซึ่งครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งค่าแรง ค่าอะไหล่ และค่าผลิตภัณฑ์ของเหลวที่ต้องเปลี่ยนถ่ายตามระยะทางทุกประเภท ทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ในคุณภาพอะไหล่แท้ทุกชิ้น
- Mazda Added Protection หรือโปรแกรมขยายการรับประกันคุณภาพรถยนต์ หลังจากสิ้นสุดการรับประกันจากผู้ผลิตรถยนต์ในช่วง 3 ปีแรก โดยสามารถเลือกความคุ้มครองนานสูงสุดถึง 5 ปี ครอบคลุมทั้งชิ้นส่วนที่บกพร่องทางกลไกและระบบไฟฟ้า
- Mazda Genuine Part หรืออะไหล่แท้จากมาสด้าที่ได้รับการออกแบบเพื่อรถมาสด้าโดยเฉพาะ เพื่อความปลอดภัย ทนทานและมีคุณภาพสูง
- 24-Road Side Assistant ซึ่งมาสด้ายินดีให้บริการลูกค้าทุกท่านในทุกช่วงเวลาฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง ครอบคลุมทุกเส้นทาง โดยโปรแกรมทั้งหมดนี้ได้รับการออกแบบเพื่อให้ลูกค้ามาสด้าทุกท่านเพลิดเพลินกับการขับขี่ได้อย่างอุ่นใจและปลอดภัย
4.กลยุทธ์ด้านการตลาด
การเดินหน้าบุกตลาดเต็มที่ ด้วยกลยุทธ์ทางการตลาดที่แตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของกิจกรรมส่งเสริมการขาย การเดินสายออกโรดโชว์ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด กิจกรรมร่วมสนุกผ่านสื่อออนไลน์ เสริมทัพด้วยรถฟรีสไตล์ครอสโอเวอร์ New Mazda CX-3 Model Year 2018 ในวันที่ 20 กรกฎาคม นี้ เพื่อสร้างแบรนด์มาสด้าให้เป็นที่จดจำและมีความใกล้ชิดกับลูกค้าอย่างแน่นแฟ้น นอกจากนี้มาสด้าจะเน้นเรื่องการเตรียมความพร้อมด้านการบริการหลังการขาย เพื่อให้มาสด้าเป็นแบรนด์ ที่อยู่ในใจของลูกค้าและเป็นแบรนด์ที่ลูกค้าเลือกและรักตลอดไป