ในยุโรป Honda มีสองทางเลือกของเครื่องยนต์ใน HR-V คือเครื่องเบนซิน 1,500 ซีซี i-VTEC 130 แรงม้า และเครื่องดีเซล i-DTEC 1,600 ซีซี 120 แรงม้า แต่ล่าสุดได้เพิ่มอีกทางเลือกที่มีความแรงมากขึ้นด้วย Honda HR-V Sport ซึ่งจับเอาเครื่องยนต์ 1,500 ซีซี VTEC เทอร์โบจาก Civic มาวางเพิ่มเป็นทางเลือกความแรงให้ซับคอมแพกต์เอสยูวีรุ่นนี้
ด้วยการใช้เครื่องยนต์ 1,500 ซีซี VTEC เทอร์โบ เป็นขุมกำลังทำให้ Honda HR-V Sport มีกำลัง 182 แรงม้าที่ 5,500 รอบ/นาทีในรุ่นที่ใช้เกียร์แมนนวล 6 สปีดส่งกำลัง แต่จะให้แรงม้าสูงสุดเท่ากันที่ 6,000 รอบ/นาทีในรุ่นเกียร์ CVT ส่วนแรงบิดสูงสุดอยู่ 240 นิวตันเมตรตั้งแต่ 1,900-5,000 รอบ/นาทีกับเกียร์แมนนวล ขณะที่กับเกียร์ CVT อยู่ที่ 220 นิวตันเมตรระหว่าง 1,700-5,500 รอบ/นาที
ไม่เพียงแค่ใช้เครื่องยนต์กำลังแรงเท่านั้น คอมแพกต์เอสยูวีรุ่นนี้ยังถูกติดตั้งชุดแพ็กเกจเพื่อช่วยเพิ่มความสมดุลย์ของตัวรถรวมทั้งระบบช่วงล่างและการบังคับควบคุมด้วย โดยมีการใช้เทคโนโลยี Performance Damper ทั้งด้านหน้าและด้านหลังเพื่อป้องกันการโคลงและการบิดตัวของแชสซีส์ ซึ่งจะช่วยให้เข้าโค้งได้ดีขึ้นรวมไปถึงเพิ่มความมั่นคงเมื่อเปลี่ยนเลนส์กระทันหัน และลดการสั่นจากพื้นถนน
ในส่วนของการควบคุมมีการปรับตั้งพวงมาลัยโดยเฉพาะสำหรับรุ่นนี้โดยใช้การทำงานแปรผันอัตราทดไฟฟ้าเสริมการทำงานของระบบแร็กแอนด์พิเนียน พร้อมด้วยเทคโนโลยี Agile Handling Assist ของ Honda เพื่อให้การตอบสนองที่ดีและราบลื่นขึ้น
ภายนอกของ HR-V Sport ถูกเพิ่มความสปอร์ตด้วยแนวทางที่เรียกว่า Solid Wing Face ซึ่งใช้โครเมียมสีดำที่มีความมันวาวสูง มีการใช้กระจังหน้าลายรังผึ้งสีดำ รวมไปถึงกรอบรอบไฟตัดหมอก และยังเสริมความดุของรถขึ้นด้วย Splitter ชิ้นเล็กที่ด้านหน้า สเกิร์ตข้าง เพิ่มโป่งซุ้มล้อ และกันชนหลังที่ดูดุดันขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสีดำเช่นเดียวกับกรอบกระจกมองข้าง ปลายท่อไอเสียคู่ และล้ออัลลอย
Honda HR-V Sport มาพร้อมกับไฟหน้า LED เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน รวมทั้งไฟสัญญษณ LED และไฟ LED Daytime Running Light ขณะที่ด้านหลังนอกจากใช้สุดแต่งสีดำเพื่อให้เข้าด้านหน้าแล้วยังรวมไปถึงใช้ไฟท้ายรมดำและมีแถบสีดำด้านใน
ภายในของ HR-V Sport แม้จะเหมือนรุ่นอื่นแต่สามารถเลือกเบาะสีดำและแดงเข้มพร้อมกับบุหลังคาสีดำเพื่อเสริมความเข้มของรถได้ Honda ยุโรปจะเริ่มผลิต HR-V Sport ในเดือนธันวาคมปีนี้ แต่การส่งมอบจะเริ่มตั้งแต่ไตรมาสสองของปี 2019