หนึ่งในรถที่ถูกจัดแสดงบนพื้นที่ของ Honda ที่ปารีสมอเตอร์โชว์ 2018 เดือนตุลาคมนี้คือ Honda CR-V Hybrid ซึ่งถูกส่งมาทำตลาดในยุโรปเพื่อเป็นอีกทางเลือกนอกจากเครื่องยนต์ 1,500 ซีซี VTEC เทอร์โบ
จริงๆ แล้ว Honda CR-V Hybrid ไมใช่หน้าใหม่ที่งานมอเตอร์โชว์ในยุโรป เพราะเคยถูกแสดงในงานเจนีวามอเตอร์โชว์ช่วงต้นปีในการเปิดตัวเอสยูวีรุ่นนี้ที่ยุโรปพร้อมกับรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 1,500 ซีซีเทอร์โบไปแล้ว เพียงแต่ทาง Honda เตรียมจะส่งรุ่นไฮบริดทำตลาดในยุโรปจึงนำมาจัดแสดงอีกครั้ง
ระบบไฮบริดที่ใช้ใน CR-V คือ Honda Hybrid Performance เป็นการใช้สองมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานร่วมกับเครื่องยนต์เบนซิน 2,000 ซีซี i-VTEC เพื่อสร้างกำลัง 184 แรงม้า และแรงบิด 315 นิ้วตันเมตรให้แก่รถ โดยรุ่นเครื่องยนต์ไฮบริดของซีอาร์วีจะมาพร้อมกับทางเลือกของรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าและสี่ล้อ
ระบบไฮบริดในซีอาร์วีมาพร้อมเทคโนโลยี Intelligent Multi-Mode Drive หรือ i-MMD ซึ่งมี 3 โหมดการขับให้เลือกคือ EV Drive ซึ่งจะเป็นการใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ลิเธี่ยมไอออนแก่มอเตอร์สำหรับส่งกำลังไปยังล้อเพียงอย่างเดียว โดยที่เครื่องยนต์ไม่ทำงาน Hybrid Drive ซึ่งเครื่องยนต์จะทำงานเพื่อให้เจนเนอเรเตอร์ให้พลังงานร่วมกับการใช้พลังงานจากแบตเตอรีแก่มอเตอร์ในการขับเคลื่อน และ Engine Drive เป็นการใช้เครื่องยนต์ในการขับเคลื่อนเพียงอย่างเดียวโดยไม่มีการใช้พลังงานจากแบตเตอรี่
เมื่อเป็นการเดินทางในเมืองทั่วไป CR-V Hybrid จะสลับการทำงานอัตโนมัติระหว่าง Hybrid Drive และ EV Drive โดยพลังงานจากเครื่องยนต์ที่เกินกว่าความต้องการจะถูกส่งกลับมาชาร์จพลังงานเก็บไว้ในแบตเตอรี่ผ่านเจนเนอเรเตอร์ ซึ่งทาง Honda ระบุว่าสำหรับการเดินทางทั่วไป CR-V Hybrid จะขับเคลื่อนโดยโหมด EV โหมด โดยซอฟต์แวร์ควบคุมระบบ ขณะที่โหมด Engine Drive ถูกออกแบบมาเพื่อการเดินทางไกลระหว่างเมือง
สำหรับตัวเลขที่ได้จากการวัดตรวจสอบ NEDC ทั้งอัตราการใช้เชื้อเพลิงและการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ของ CR-V Hybrid แน่นอนว่ารุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าจะดีกว่าด้วยการปล่อยคาร์บอนได้อออกไซด์ 120 กรัม/กม. และอัตราการใช้น้ำมันเฉลี่ย 5.3 ลิตร/100 กม. ขณะที่รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อสูงขึ้นมาอีกนิดด้วยตัวเลขการใช้น้ำมันเฉลี่ย 5.5 ลิตร/100 กม. และปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 126 กรัม/กม.
นอกจากเอสยูวีพลังไฮบริดจะถูกจัดแสดงในปารีสมอเตอร์โชว์เดือนตุลาคมแล้ว จะเริ่มการผลิตในยุโรปเดือนตุลาคมด้วยเช่นกัน แต่การส่งมอบรถจะเริ่มในช่วงต้นปี 2019