ไม่ว่าอนาคตของการแข่งล้อเปิดใช้พลังงานไฟฟ้า Formula E จะได้รับความนิยมมากขึ้นแล้วเข้ามาแทนฟอร์มูล่าวัน หรืออาจไม่ได้รับความนิยมแล้วเลิกไป รถแข่งรุ่นแรกของรายการนี้ย่อมมีคุณค่าสำหรับนักสะสม และโอกาสที่จะเก็บรถแข่งเหล่านี้ไว้ในคอลเลกชั่นมาถึงแล้วเมื่อผู้จัดการแข่งขันจะมีการขายรถที่ใช้แข่งสี่ฤดูกาลแรก
ในฤดูกาลแข่งขันต่อไปของ Formula E ซึ่งจะเริ่มต้นในเดือนธันวาคมปีนี้ที่ซาอุดิอาระเบีย จะเป็นการใช้รถแข่งเจนเนอเรชั่นที่สอง จึงทำให้ผู้จัดการแข่งขันมีความคิดที่จะจำหน่ายรถแข่งรุ่นแรก SRT-01E ที่ใช้แชสซีส์จาก Spark Racing Techonology มอเตอร์ไฟฟ้าจาก McLaren และแบตเตอรี่จาก Williams ซึ่งเป็นรูปแบบของรถที่ใช้แข่งมาตั้งแต่เริ่มในปี 2014
Alejandro Agag นายใหญ่ของการประลองความเร็วด้วยรถแข่งล้อเปิดโดยใช้พลังงานไฟฟ้าบอกว่า “รถแข่งปัจจุบันยังคงใช้ได้ รถเหล่านี้ถูกใช้เพื่อสร้างความตื่นเต้นให้เรามา 4 ฤดูกาล มีความสนใจจำนวนมากจากนักสะสม รวมทั้งรถเหล่านี้ยังสามารถที่จะนำไปแข่งได้”
รถแข่ง Formula E จะถูกจำหน่ายประมาณ 200,000 ถึง 289,000 ดอลล่าร์ต่อคันจากราคา 400,000 ดอลล่าร์เมื่อสี่ปี่ที่แล้ว โดยราคาของรถแข่งที่แตกต่างกันในแต่ละคันจะมาจากประวัติความสำเร็จของรถ เช่นรถคันที่ Lucas Di Grassi ขับชนะการแข่งขันรายการแรกในปี 2014 ซึ่งเป็นปีแรกที่จัดจะมีราคาสูงกว่ารถที่เคยชนะรายการนี้คันอื่น
จากจำนวน 10 ทีมในการแข่งขันรายการซึ่งแต่ละทีมใช้รถแข่ง 4 คันสำหรับนักขับ 2 คน เนื่องจากนักขับแต่ละคนจะต้องใช้รถสองคันในการแข่งขันเพราะแบตเตอรี่สำหรับรถเพียงพอสำหรับการให้พลังงานเพื่อแข่งเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น ทำให้นักแข่งต้องมีการสลับมาใช้รถแข่งอีกคันระหว่างการแข่ง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะมีรถ 40 คันที่ถูกจำหน่าย เพราะรถบางคันจะถูกทีมเก็บไว้เพื่อใช้งานหรือโปรโมต