นับตั้งแต่เปิดตัวเจนเนอเรชั่นที่ 3 ออกมาในปี 2014 จนถึงปัจจุบัน Audi TT อยู่ในช่วงกลางอายุสำหรับทำตลาดพอดี ทาง Audi จึงทำการอัพเดทความสปอร์ตให้รถสปอร์ตสองประตูรุ่นดังของตนสำหรับการทำตลาดต่อไป
สิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนในการเพิ่มความสปอร์ตของ Audi TT คือกระจังหน้าซิงเกิลเฟรมที่มีลายสปอร์ตขึ้นพร้อมให้ความรู้สึกสามมิติ นอกจากนี้ในส่วนของกันชนหน้ายังได้รับการออกแบบใหม่โดยมีช่องรับอากาศด้านข้างในรูปทรงใหม่ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม ขณะที่ไฟหน้ามีทางเลือกเสริมด้วยเทคโนโลยี Matrix LED นอกจากไฟหน้า LED ซึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
ด้านหลังของ TT ยังคงเน้นที่เส้นแนวนอนให้ความรู้สึกกว้างของรถเช่นเดิม โดยมีการเปลี่ยนกันชนพร้อมกับ Diffuser ใหม่ที่มีความกว้างขึ้น ส่วนล้อมีขนาด 17 นิ้วเป็นมาตรฐานโดยมีล้อทั้งจาก Audi และ Audi Sport ขนาด 18, 19 และ 20 เป็นทางเลือกเสริม
นอกจากรุ่นมาตรฐานแล้ว Audi ยังมีแพ็กเกจ S line เพื่อเสริมความสปอร์ตภายนอกมากขึ้นให้กับ TT ซึ่งจะประกอบด้วย Splitter ที่มีความยาวเต็มกันชนหน้า เพิ่มช่องรับอากาศแนวตั้งที่ด้านข้างกันชนหน้า เปลี่ยนกระกระจังหน้าเป็น Titanium Black เพิ่มสเกิร์ตที่ด้านข้าง ขณะที่ด้านหลังเปลี่ยนมาใช้ Diffuser ที่กว้างขึ้น รวมทั้งเพิ่มช่องอากาศแนวตั้งใต้ไฟท้าย
การปรับโฉมของ TT แทบจะเรียกได้ว่ามีเฉพาะแค่การปรับโฉมจริงๆ เพราะ Audi ไม่ได้ระบุถึงการเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ โดยบอกแค่มีหลายเครื่องยนต์และระดับสมรรถนะต่างๆ ให้เลือก พร้อมใช้กรองไอเสียที่มีความละเอียด โดยมีทางเลือกในการส่งกำลังระหว่างเกียร์แมนนวล 6 สปีด และดูอัลคลัชต์ 7 สปีด พร้อมกับมีระบบ Electronic Stabilization Control เพื่อควบคุมแรงบิดในบางล้อสำหรับการเข้าโค้งและการควบคุมที่ดีขึ้น
การตกแต่งภายในห้องโดยสารเป็นอีกจุดที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใน TT โดยใช้ Audi Virtual Cockpit ด้วยการใช้จอ12.3 นิ้วเพื่อแสดงข้อมูลในการขับในแบบดิจิตอล โดยเลือกได้ระหว่างการแสดงข้อมูลที่เน้นมาตรวัดความเร็วและวัดรอบเหมือนปกติที่คุ้นเคยหรือแสดงข้อมูลแบบ Infotainment ขณะที่เบาะในรุ่นมาตรฐานเป็นแบบสปอร์ต ส่วนแพ็กเกจ Line เป็นแบบ S Sport
ความบันเทิงขณะเดินทางมาจากระบบเสียงของ Bang & Olufsen ซึ่งประกอบด้วยแอมป์ 680 วัตต์ 14 แชนเนล พร้อมด้วยลำโพง 12 ตัว โดยประกอบด้วย 2 ลำโพงเซ็นเตอร์และ 2 เบสส์บ็อกซ์
สำหรับรุ่น Roadster มีหลังคาอ่อนที่ใช้วัดุมีคุณสมบัติป้องกันเสียงภายนอก สามารถเปิดและปิดได้ขณะแล่นที่ความเร็วไม่เกิน 50 กิโลเมตร/ชม. และสามารถเลือกได้ระหว่างหลังคาอ่อนสีดำหรือสีเทา
Audi TT เปิดให้เริ่มจองตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคมในยุโรปและจะส่งมอบในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี
